Learning Log (นอกห้องเรียน) ครั้งที่ 3
ทักษะการพูด
การพูด
มีความสำคัญต่อชีวิตคนเราเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ทำอาชีพอะไร
เราก็ต้องสื่อสารด้วยการพูดเสมอ
การพูดนั้นนับได้ว่าเป็นพฤติกรรมการใช้ภาษาที่ใช้กันมากเป็นอันดับสองรองจากการฟัง การพูดเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์
“ศาสตร์”ในที่นี้หมายถึง
การพูดจะต้องมีหลักเกณฑ์และวิธีใช้สอน ถ่ายทอดปฏิบัติ และฝึกฝน ส่วน “ศิลป์”ในที่นี้จะหมายถึง การพูดเป็นเรื่องของความศาสตร์พิเศษของแต่ละบุคคลซึ่งสามารถขยายความได้ดังนี้ ที่ว่าการพูดเป็นศาสตร์ เพราะ เป็นวิชาที่มีหลักเกณฑ์ มีทฤษฎีในการเรียนรู้และสามารถถ่ายทอดกันได้
เช่น หลักเกณฑ์การออกเสียงจัดเป็นสัทศาสตร์ และการติดต่อสื่อสารจัดเป็นสังคมศาสตร์
เป็นต้น และที่ว่าการพูดเป็นศิลป์ เพราะ
ต้องนำหลักเกณฑ์ไปปฏิบัติให้เกิดความไพเราะ เป็นที่ประทับใจของผู้คน
การศึกษาแต่หลักเกณฑ์หรือทฤษฎีเพียงอย่างเดียวจึงไม่สามารถช่วยให้เราได้รับประโยชน์จากการพูดมากเท่าที่ควร
จึงจำเป็นต้องนำไปปฏิบัติ โดยใช้เทคนิคและกลวิธีต่าง
เพื่อที่จะทำให้ผู้เรียนเกิดความพึงพอใจ และสุดท้ายที่ว่าการพูดเป็นทักษะ
เพราะการพูดต้องอาศัยการฝึกฝนเพื่อให้เกิดความชำนาญ จึงจะสามารถนำไปใช้เป็นประโยชน์ได้ดี
ยิ่งเรามีความชำนาญมากเท่าไร เราก็จะพูดได้ดีขึ้นเท่านั้น สรุปได้ว่า
การพูดเป็นการแลกเปลี่ยนข่าวสารซึ่งกันและกันของบุคคล 2
คนขึ้นไป
ผู้พูดต้องใช้ถ้อยคำน้ำเสียงและกริยาท่าทางที่ถูกต้องและผู้พูดจะต้องสื่อสารความหมายให้ผู้ฟังเข้าใจในเนื้อหาและจุดประสงค์ว่าผู้พูดต้องการสื่อให้รู้ถึงเรื่องใด
ดังนั้นการพูดภาษาอังกฤษ จึงหมายความว่า เป็นการสื่อสารระหว่างบุคคล 2 คนขึ้นไป โดยมีการเลือกใช้สำนวน ถ้อยคำ ภาษา ถูกต้องตามหลักของภาษา
และสามารถสื่อความหมายได้ถูกต้องเหมาะสมกับสถานการณ์
ซึ่งถ้าเราอยากจะพูดภาษาอังกฤษให้ชัดเหมือนกับเจ้าของภาษานั้น
สิ่งแรกที่เราจะต้องฝึกนั่นคือ ฝึกการออกเสียงพยัญชนะและสระก่อน
เพราะสองตัวนี้เป็นส่วนประกอบของคำศัพท์ ซึ่งถ้าเราออกเสียงคำศัพท์ได้ชัด
เวลาที่เราพูดสื่อสารกับชาวต่างชาติก็จะสื่อสารกันได้อย่างเข้าใจ
เหตุผลที่ดิฉันเลือกฝึกทักษะการพูดนั้น
เป็นเพราะว่า เวลาที่ดิฉันพูดสื่อสารเป็นภาอังกฤษ ดิฉันจะออกเสียงไม่ดีนัก ไม่ชัดเจน
ซึ่งถ้าเราออกเสียงไม่ชัดเจน อาจทำให้ความหมายของคำๆนั้นผิดเพี้ยนไปได้และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเราเรียนสาขาอังกฤษ
เราก็ต้องเพิ่มความพยายามเป็นสองเท่า
ที่จะต้องฝึกการออกเสียงให้เหมือนกับเสียงเจ้าของภาษา
ซึ่งการออกเสียงในภาษาไทยจะแตกต่างจากภาษาอังกฤษ คือ ภาไทย
จะออกเสียงเน้นหนักเท่ากันทุกพยางค์ในคำๆนั้น (syllable-timed
language) แต่ในภาษาอังกฤษ
จะออกเสียงเน้นหนักเฉพาะบางพยางค์ในคำๆนั้น (stress-timed language) ในการพูดสื่อสาร อย่างแรกที่เราต้องตระหนัก คือ การออกเสียงของคำศัพท์
โดยในคำศัพท์จะประกอบไปด้วยพยัญชนะและสระ ดังนั้นถ้าเราจะฝึกการเสียง
เราจะต้องออกเสียงพยัญชนะและสระให้ชัดก่อน
การออกเสียงในภาษาอังกฤษนั้นก็จะแยกย่อยออกเป็นเสียง voice กับ
voiceless เพราะฉะนั้น
ดิฉันฝึกทักษะการพูดโดยเริ่มจากการอ่านออกเสียงพยัญชนะและสระ ซึ่งดิฉันเรียนรู้จาก
youtube ฟังแล้วออกเสียงตาม ฝึกแบบนั้นอยู่หลายๆรอบ
จนกว่าออกเสียงนั้นได้ชัดเจนขึ้นและเมื่อฟังออกเสียงแล้ว
ก็นำคำศัพท์มาโดยเลือกคำศัพท์ที่ง่ายๆ ก่อน หาคำศัพท์คำนั้นจาก Oxford
English Dictionary ดูการออกเสียงและการเน้นหนักของคำศัพท์ตัวนั้น
พร้อมกับเปิดเว็บไซต์ www.voki.com ซึ่งเป็นโปรแกรมที่จะช่วยในการออกเสียง โดยเราสามารถป้อนคำศัพท์
แล้วมันจะออกเสียงคำศัพท์นั้นออกมา www.voki.com เป็นเว็บไซต์ที่ดีมาก เพราะมันจะออกเสียงเหมือนกับเจ้าของภาษา
เมื่อฟังการแกเสียงของคำศัพท์แล้ว เราก็ฝึกออกเสียงตาม ฝึกจนกว่าเป็นที่น่าพอใจและฝึกคำศัพท์คำอื่นๆอีก
ปัญหาของการฝึกในครั้งนี้ คือ
เสียงพยัญชนะในภาษาอังกฤษบางตัวมันจะออกเสียงคล้ายๆกัน เช่น เสียง v กับ เสียง f และเสียง l กับเสียง r จึงทำให้เกิดความสับสนอยู่บ้าง
ทักษะการพูดภาษาอังกฤษนั้นเป็นสิ่งที่ลอกเลียนแบบได้ยาก
แต่อาจพัฒนาขึ้นได้ในแต่ละคน ซึ่งการพูดที่มีแระสิทธิภาพเกิดจากการสังเกตวิธีการที่ดีและมีโอกาสฝึกฝนอยู่บ่อยๆ
ซึ่งการฝึกทักษะนอกชั้นเรียนครั้งนี้ ดิฉันได้เลือกที่จะฝึกทักษะการพูด
เพราะดิฉันพูดภาษาอังกฤษได้ยังไม่ดีเท่าที่ควร
โดยเลือกฝึกการออกเสียงพยัญชนะและสระ โดยการเรียนรู้จาก youtube และเว็บไซต์ www.voki.com มาช่วยในการฝึกออกเสียง
ซึ่งจะเห็นได้ว่าการที่เราออกเสียงคำศัพท์ได้ชัดนั้น
เราต้องเริ่มจากการฝึกออกเสียงพยัญชนะและสระเสียก่อน
เพราะสองตัวนี้เป็นส่วนประกอบที่สำคัญที่ทำให้เกิดคำศัพท์
เมื่อเราออกเสียงพยัญชนะและสระได้ ก็จะง่ายต่อการสื่อสารกับชาวต่างชาติ ในการฝึกทักษะนอกห้องเรียนครั้งนี้
ดิฉันได้ความรู้เกี่ยวกับหลักการออกเสียงของพยัญชนะและสระแต่ละเสียงว่าในเสียงหนึ่งเสียงนั้นเราจะใช้อวัยวะส่วนไหนบ้างในการออกเสียงออกมาได้อย่างถูกต้อง
และยังได้รู้กลวิธีในการออกเสียงที่มีลักษณะในการออกเสียงที่คล้ายๆกัน ซึ่งการฝึกเช่นนี้บ่อยๆ
จะทำให้การพูดสื่อสารของเรามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น